ไม่ผิดที่จะตั้งราคาแพงกว่า

ไม่ผิดที่จะตั้งราคาแพงกว่า

ถ้าผมถามว่าสาเหตุหลักที่เราปิดการขายไม่ได้คืออะไร ผมว่าหนึ่งในคำตอบยอดฮิตที่นักขายหรือเจ้าของธุรกิจทุกคนต้องมีคือ “ราคา”

จริงหรือไม่ครับว่าถ้าราคาถูกกว่าเราจะปิดการขายได้มากกว่าเสมอ แน่นอนว่าคำตอบคือไม่จริง เพื่อสนับสนุนความคิดนี้ให้ชัดเจน ผมมีสถิติบางอย่างมาเล่าให้ฟังครับ

- ในปี 2012 บริษัท Oracle ได้มีการพูดคุยสำรวจกับลูกค้าจำนวนหนึ่ง 81% ของลูกค้ากลุ่มนี้บอกว่าเค้ายินดีที่จะจ่ายแพงขึ้นเพื่อบริการที่ดีกว่า

นอกจากนั้นเกือบครึ่งนึงสรุปมาเลยว่ายินดีจ่ายแพงกว่าราคาตลาดอย่างน้อย 5% ถ้าได้รับการบริการที่ดีกว่าจริงๆ

- ในปีเดียวกัน American Express พบว่าลูกค้า 2 ใน 3 ของพวกเค้าระบุเลยว่ายินดีที่จะจ่ายเพิ่มได้ถึง 13% สำหรับสินค้าอะไรก็ตามที่มีบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมกว่าที่อื่นๆ

- ในปี 2010 บริษัท RightNow Technologies สำรวจและพบว่ามีลูกค้าเกิน 88% ที่ยินดีจ่ายเพิ่ม 5% เพื่อบริการที่ดีขึ้นมีลูกค้าอีก 62% ที่ยินดีจ่ายเพิ่ม 10% และมีลูกค้าอีก 11% ที่ยอมจ่ายเพิ่มถึง 25% เลยถ้าได้บริการที่ยอดเยี่ยมกว่าคนอื่น

คราวนี้ลองมานึกถึงตัวเองดูครับ คุณพร้อมจะจ่ายเพิ่มนิดหน่อยถ้าไม่ต้องต่อแถวยาวๆไม๊ครับ คุณพร้อมจะจ่ายเพิ่มถ้ามีคนเอาสินค้ามาให้และดูแลทุกอย่างถึงบ้านไม๊ครับ คุณพร้อมจะจ่ายเพิ่มถ้ามีคนคอยเอาใจใส่ดูแลการใช้งานหลังการขายแบบตลอดอายุการใช้งานไม๊ครับ

แน่นอนครับ ไม่ใช่ทุกคนจะตอบว่าพร้อมจ่าย แต่ผมเชื่อมั่นว่าส่วนใหญ่ยินดีจ่ายถ้าราคาที่ต้องเพิ่มมานั้นสมเหตุสมผล ไม่เช่นนั้นผลการสำรวจและวิจัยโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายที่ผมเล่ามาเมื่อสักครู่คงไม่ไปในทิศทางเดียวกันเช่นนี้หมด

ดังนั้นไม่ผิดที่คุณจะตั้งราคาแพงกว่าคนอื่น แต่การตั้งราคาดังกล่าวนั้นจะได้ประสิทธิภาพสูงสุดควรประกอบด้วยสิ่งเหล่านี้ครับ

1. ต้องแลกมาด้วยบริการที่ยอดเยี่ยม ทุกกระแสบอกหมดว่าบริการคือสิ่งที่คนโหยหา

2. บริการนั้นลูกค้าต้องรับรู้ได้ว่าดีกว่าอย่างไรเช่น ประหยัดเวลาหรือตัดความกังวลใจ เค้าต้องสามารถจับต้องได้ในระดับนึงว่าจ่ายแล้วแลกมาด้วยอะไร

3. ฟังลูกค้าเยอะๆ หาโอกาสในการคุยกับลูกค้าของตัวเอง อย่าคิดเอาเองแต่ในห้องประชุมว่าอะไรดี ลงพื้นที่หรือออกตลาดเยอะๆ เพราะที่นั่นคือแหล่งข้อมูลที่แท้จริง

สรุปคือไม่ผิดนะครับที่จะตั้งราคาแพงกว่า อยู่ที่ว่าคุณได้ทำตามหลักการที่ว่ามาแล้วหรือยังต่างหากครับ