เลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข

ถอดหน้ากาก ปลดล็อคตัวตน!

ทุกคนต้องการเป็นที่ชื่นชอบกันทั้งนั้นแต่บางครั้งเราก็เอาความสุขไปผูกกับคนอื่นมากไปจนต้องแสร้งทำสิ่งที่ไม่ชอบ แค่เพื่อไม่ให้ถูกเกลียด หรือ โดนมองว่าประหลาด ทั้งที่จริงแล้ว อีกฝ่ายไม่ได้แคร์สิ่งที่เราทำมากมาย มีแต่เราที่ต้องทนไม่เป็นตัวของตัวเอง อ่านจบอีกเล่ม สรุปไว้กันลืม
เลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข
เป็นหนังสือที่ให้มุมมองใหม่...คนดีในเล่มนี้ไม่ใช่ด้านศีลธรรม แต่เป็นด้านการแคร์คนแคร์สังคม
เหมาะกับคน type S หรือกลุ่มนกพิราบ
ส่วนตัวคิดว่า บางข้อไม่สามารถใช้กับบางเรื่อง แต่ถ้าคิดดีๆ ก็เอามาใช้ได้กับหลายเรื่องอยู่ 😊
1. เลิกเป็นคนดี
คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยสนใจคนที่ไม่แสดงความรู้สึก และคิดว่า " เขาก็เป็นคนดีอยู่หรอกนะ..." แต่จะไม่ยอมรับเข้ากลุ่ม เรียกว่าเป็นคนที่ไม่มีอะไรให้จดจำ
หากไม่แสดงตัวตนออกไป ก็จะไม่เห็นปฏิกิริยาที่ผู้อื่นหรือคนในสังคมมีต่อตัวเองได้
ทุกคนคือดินสอสีหนึ่งสี มีคุณค่าในสีของตัวเอง หากเราคิดว่าอยากเป็นคนดี ไม่อยากถูกเกลียด เรามัวทำตามผู้อื่น สีของเราจะถูกลบเลือนไป
2. เลิกกลัวการถูกเกลียด
อย่าใส่ใจคนอื่นมากเกินไปจนตนเองเหนื่อยไม่ต้องเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
คนที่พูดจาว่าร้ายคุณนอกจากเป็นพวกไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว ยังเป็นคนไม่มีความสำคัญกับคุณเลย จึงไม่ควรเข้าใกล้หรือเพิกเฉยไปเลยจะดีกว่า
3. เลิกใช้ชีวิตในสังคมที่ถูกสร้างขึ้น (เราไม่ได้เลือกเอง)
กล้าย้ายไปยังสถานที่ที่เหมาะกับตัวเรา
4. เลิกกลัวที่ต้องอยู่คนเดียว
สิ่งที่เรากังวลหรือกลัวนั้นไม่มีอยู่จริง
แต่เป็นเพียงสิ่งที่คิดขึ้นเองทั้งนั้น
ยิ่งเราเป็นตัวของตัวเองมาเท่าไหร่จะยิ่งรู้จักวิธีการอยู่กับคนมากๆและไม่ต้องคบหาสมาคมกับคนที่ไม่จำเป็น
5. เลิกติดสอยห้อยตามเพื่อนๆ
จงใช้เวลาอยู่คนเดียวพัฒนาเนื้อแท้ของตัวเอง ถือเป็นการลงทุนที่จำเป็นมาก
6. เลิกคิดว่าฉันใช้ชีวิตเพียงลำพังไม่ได้
จงกลัวการถูกเกลียดน้อยลงและเป็นตัวของตัวเองให้ได้.                   อยากให้คิดว่าหากจำเป็นต้องอยู่คนเดียวจริงๆก็อยู่ได้ และอย่ากลัวที่จะต้องสูญเสียความสัมพันธ์กับใครมากเกินไป หากคิดได้เช่นนี้ เราก็จะคบหาผู้อื่นโดยเป็นตัวของตัวเองได้
สังคมญี่ปุ่นถูกสอนมาให้สนิทกับเพื่อนบ้านไว้ยามเกิดภัยพิบัติ ผมคิดว่าไม่จำเป็น หากเกิดภัยพิบัติจริงแม้ไม่ใช่เพื่อนบ้านเราก็ต้องช่วยเหลือ
7. เลิกยอมเสียสละตัวเอง
คนที่เลิกข้อนี้ไม่ได้ จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกเอาเปรียบ
คนที่เลิกได้ พูดคุยกับผู้อื่นและแก้ปัญหาได้เอง
คนที่ต้องมารองรับ อารมณ์ของคนอื่นถึงขนาดยอมเก็บกดตัวตนไว้ แท้จริงแล้วเป็นคนที่พึ่งพาตัวเองไม่ได้
การขัดแย้งกับผู้อื่นใช้พลังงานมาก แต่การกลัวขัดแย้งกับผู้อื่น จึงหลีกเลี่ยงการปะทะ ทำให้ไม่เคยได้แก้ปัญหาความขัดแย้ง
8. เลิกเอาใจทุกคน
หากทำตัวเข้ากับทุกคนได้เราจะเปรียบเหมือน เสื้อผ้าโปร่งแสงที่ไม่มีสีใดๆ แม้ไม่มีคนเกลียด แต่ก็ไม่มีคนชอบคนอื่นจะมองข้ามเราไปเหมือนเราไม่มีตัวตน
การที่มีคนเกลียดเราจึงเป็นหลักฐานว่าเรากำลังใช้ชีวิตด้วยความตั้งใจของตัวเราเอง
9. เลิกปั้นยิ้มเสแสร้ง
เทคนิคสร้างรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ
1. รู้สึกขอบคุณอีกฝ่าย
2.แสดงท่าทีเพื่อแบ่งปันความสุขจากการได้อยู่ด้วยกัน
10 เลิกนิสัยปฏิเสธไม่เป็น
การปฏิเสธเรื่องที่ตัวเองคิดว่าน่าเบื่อ คือการให้ความสำคัญแก่ตัวเองและเป็นการใช้ชีวิตอย่างมีค่า
11. เลิกอดกลั้นไม่ตอบโต้
ตอบโต้คำว่าร้ายที่ไม่มีเหตุผลด้วยคำว่า "แล้วยังไงล่ะ"
12. เลิกกลัวการปะทะกับผู้อื่น
บางครั้งการทะเลาะช่วยซ่อมแซมความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น
13. เลิกเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริง
คนที่เลิกข้อนี้ไม่ได้ แม้ไม่มีศัตรู แต่ก็ไม่มีพรรคพวกที่เข้าใจกัน
คนที่เข้าได้กับทุกคนจะถูกมองว่ากำลังแสดงละคร
14. เลิกทำตามคนอื่น
คนดีมาปรับตัวเองให้เข้ากับคนรอบข้างเพื่อเลี่ยงการปะทะกับผู้อื่น พวกเขาคิดว่าการเอาตามคนอื่นง่ายกว่าและไม่ต้องรับผิดชอบอะไร จึงมักทำตามคนอื่นจนตัวตนค่อยๆหายไป
คนที่ตัดสินใจเองไม่ได้จะถูกคนอื่นครอบงำได้ง่าย
ฝึกหาเหตุผลสนับสนุนการตัดสินใจหรือการกระทำของตนเอง กับเรื่องทั่วๆไป
15. เลิกเกรงใจจนเกินเหตุ
คนที่เลิกไม่ได้ จะเครียดสะสมแก่เร็วป่วยง่าย
คนที่เลิกได้ เครียดน้อยลงใช้ชีวิตอย่างสดชื่นแจ่มใส
16. เลิกเป็นแค่คนธรรมดา
คนที่เลิกไม่ได้ เลือกเดินทางที่ปลอดภัย แต่ไม่มีทางประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
คนที่เลิกได้ ประสบความสำเร็จได้ด้วยทางของตัวเอง
คนที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆส่วนใหญ่มักเป็นคนประหลาด ในทางกลับกัน คนดีมักสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆไม่ได้ เพราะเป็นคนธรรมดา
ทำตัวให้คาดเดายาก เราต้องพูดหรือแสดงออกในสิ่งที่คนอื่นคาดไม่ถึงนั่นเอง
หากทำในสิ่งที่คาดเดาได้ง่ายๆ เราไม่อาจคิดสิ่งใหม่ๆได้
ความคิดหักมุมจากที่อีกฝ่ายคาดการณ์นอกจากจะทำให้ตัวเรามีเสน่ห์มากขึ้นแล้วยังสร้างความแตกต่างในโลกธุรกิจและเป็นข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย
17. เลิกกังวลกับการมีเพื่อนน้อย
การมีเพื่อนน้อยไม่ใช่เรื่องน่าอาย ขอมีคนที่หัวเราะร้องไห้ไปด้วยกันคุยกันได้ทุกเรื่องคนเดียวก็พอแล้ว
คนที่เป็นที่ปรึกษาหรือแก้ไขปัญหาให้เรา ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนเสมอไป
18 เลิกแคร์สังคม
มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด คือคนไม่รู้จักอาย
วิธีที่ทำให้ช่วยให้เราไม่รู้สึกอายก็คือ คิดว่าสิ่งต่างๆ มันก็เป็นแบบนี้แหละ คนเรามีหลายประเภท ถ้าคนจะมองแบบนั้นก็ช่วยไม่ได้ นี่แหละตัวฉันใครจะเกลียดก็เชิญ
เมื่อย่างเข้าวัย 40 ความไม่รู้จักอายของผมก็พัฒนาและแต่ระดับสูงขึ้น ทำให้ผมเปิดรับความผิดพลาด ความอ่อนหัดหรือระดับความสามารถของตนเอง และพูดกับตัวเองได้ว่า นี่แหละคือตัวของฉัน
19 เลิกทำตามกฎ
คนที่เลิกไม่ได้โดนผู้อื่นบงการ และแก้ปัญหาเองไม่ได้
คนที่เลิกได้เผชิญหน้าความกังวลและคิดแผนการแก้ปัญหาเองได้
20 เลิกเป็นคนมีศีลธรรม (ทำตามแบบแผนของสังคม)
คนที่เลิกไม่ได้ ไม่อาจยกโทษให้ผู้อื่นได้และต้องทนอึดอัดฝืนทน
คนที่เลิกได้ ไม่ยึดติดกับสิ่งที่ไม่มีมูลเหตุ และใช้ชีวิตได้อย่างปลอดโปร่งโล่งใจ
การรู้จักคิดอย่างเป็นรูปธรรมว่า "ถ้าเราไม่ทำตามแบบแผนของสังคม ความเชื่อ ศีลธรรมที่ไม่มีมูลเหตุ มันจะเกิดความเสียหายขึ้นเท่าไหร่" จะทำให้เราหลุดพ้นจากสายตาที่น่าอึดอัดของสังคมได้
21 เลิกยัดเยียดคุณงามความดีที่ตัวเองเชื่อให้คนอื่น
คนดีมักเชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก เป็นคนคิดดีแล้วทำเพื่อผู้อื่น และทนไม่ได้หากมีใครคิดต่างจากตัวเอง
เมื่อเราเข้าใจว่าทุกคนมีความคิดและความเชื่อเป็นของตนเอง ยอมรับได้ว่าคนบนโลกล้วนมีร้อยพ่อพันแม่ ความรู้สึกหงุดหงิดก็จะลดน้อยลง
22. เลิกเลี่ยงบทสนทนาเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ
23. เลิกประเมินตัวเองต่ำเกินไป
24. เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
มองหาสิ่งที่เราทำได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องทำด้วยความตั้งใจจนกระทั่งรู้สึกได้ถึงพัฒนาการของตัวเอง เพื่อ สัมผัส ประสบการณ์แห่งความสำเร็จ
25 เลิกทำตัวเป็นเจ้านายฉันเพื่อน
คนดีมักไม่ค่อยเอ่ยปากตักเตือนใครเพราะไม่อยากถูกเกลียด ในการเตือนนั้นจะเป็นประโยชน์กับอีกฝ่าย
หัวหน้าที่ดีไม่ต้องกลัวการกระทบกระทั่งกับลูกน้อง
คุณสมบัติหัวหน้า สามารถตัดสินใจว่า วิธีนี้ดี เราใช้วิธีนี้กันเถอะ และรวมถึงการยอมรับว่า "หากวิธีนี้ผิด ผมจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง" ถ้าหัวหน้ามีความคิดเช่นนี้ลูกน้องย่อมรู้สึกว่าเราทำตามคนนี้ โดยไม่ต้องกังวลและยอมรับอีกฝ่ายเป็นหัวหน้า
ผู้นำเก่งๆ ย่อมมีคนทั้งรักและเทิดทูนขณะเดียวกันก็มีคนต่อต้านอย่างสุดกำลังเช่นกัน
26 เลิกยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงมือทำ
การพูดเสียงดังส่งผลดีต่อการใช้ชีวิต หมายถึง พูดชัดเจนฟังง่ายหนักแน่น ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดูภูมิฐานและสร้างแรงกดดันให้กับคนรอบข้างได้ดี
27 เลิกหวาดกลัวสายตาเย็นชาของผู้อื่น
คนขี้โกงนิดๆหรือร้ายหน่อยๆ มักเป็นฝ่ายชนะเสมอ
แค่คิดว่า หากเกิดปัญหาหรือถูกปฏิเสธเราจะเป็นผู้รับผิดชอบการกระทำของตัวเองเท่านี้เราก็หาผลประโยชน์ให้ตัวเองได้โดยไม่ต้องแคร์สายตาใคร
สังคมเราเต็มไปด้วย การต่อรอง คนดีมักพ่ายแพ้ในการต่อรอง ทำให้ต้องยอมรับเงื่อนไขที่ เสียเปรียบ ส่วนคนที่ต่อรองเก่ง หรือทำให้ตัวเองได้เปรียบ ก็มักเป็นคนที่ขี้โกงนิดนิดๆ การต่อรองที่ดีควรได้ผลแบบ win win ทั้งสองฝ่าย
28 เลิกเป็นคนเถรตรงเกินไป
ต้องดูสถานการณ์ และความสัมพันธ์กับคู่สนทนาด้วย การโกหกเล็กน้อยหรือพูดเกินจริงอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขได้

🎁❤เรื่องความรัก
29 เลิกเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับอีกฝ่าย
30 เลิกเก็บซ่อนอารมณ์
คนที่เลิกไม่ได้คือคนที่บอกความรู้สึกชอบออกไปไม่ได้ ทำให้อีกฝ่ายกังวล
คนที่เลิกได้ มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นมากขึ้น ลองเข้าเว็บไซต์หาคู่ดูบ้าง
31 เลิกผูกมัดอีกฝ่าย
การผูกมัดอีกฝ่ายเป็นการสร้างความสบายใจให้ตัวเองเท่านั้น
รักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวต้องอาศัยความเชื่อใจและเคารพกัน
32 เลิกเก็บกดอารมณ์ของตัวเอง (เรื่องความรัก)
คนดี มีความนับถือตัวเองต่ำ จึงคิดไปเองว่าความรู้สึกของตัวเองนั้นไม่ใช่ของจริง ไม่รู้ตัวว่าตัวเองรักเขาหรือเปล่า หรือรักแล้ว ก็ไม่ยอมบอก ด้วยเหตุผลมากมายเช่น ทำใจกับรักครั้งก่อนไม่ได้ หรือมีปัญหาในครอบครัว
หากิจกรรมที่ทำให้แสดงอารมณ์สนุกสนานออกมาได้เต็มที่ด้วยกัน อีกฝ่ายจะยอมรับอารมณ์ใดๆ ก็ตามที่เราแสดงออกไป ถ้าทำแล้วไม่ work แปลว่าเราเข้ากับอีกฝ่ายไม่ได้จริงๆ
33 เลิกทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง
อีกฝ่ายจะอึดอัด หรือเราๆอาจถูกหลอกใช้ประโยชน์
รักษาระดับของอารมณ์ให้พอดีกับอีกฝ่าย
34 เลิกพยายามทำให้ผู้อื่นยอมรับคุณค่าของตัวเอง
คนที่เลิกไม่ได้ ตกเป็นเหยื่อของเพศตรงข้ามเลวๆ คนดีไม่เป็นตัวของตัวเอง เวลาอีกฝ่ายพูดหรือทำดีด้วยจึงเกิดความรู้สึกชอบได้ง่าย มองไม่ออกว่าใครมาดี มาหลอก อยากรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า จึงหลงคิดไปว่า ถ้าไม่มีฉันเขาจะอยู่ไม่ได้ทำให้ตัวเองสบายใจ
35. เลิกยื้อความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้
การทะเลาะไม่ใช่เรื่องแย่เสียทีเดียวแต่เป็นเหมือนเวทย์มนต์ที่จะปิดและเปิดเส้นทางชีวิตของเรา
การทะเลาะคือ การละทิ้งคำโกหก สิ่งที่ปิดบัง การอดทน หรือการเสแสร้ง ไปให้หมดและหันหน้าเพื่อเผชิญความจริง

การสร้างผลผลิตใหม่
36. สภาพแวดล้อมวัยเด็กและวัยรุ่นช่วยสร้างลักษณะนิสัยของคนเราได้มากที่สุด
เด็กที่โตมาโดยไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่มาก เป็นคนที่โหยหาความรักเป็นอย่างมาก
ตรงข้ามเด็กที่พ่อแม่ประคบประหงม จะนับถือตนเองสูงเกินไป บางคนอาจคิดจริงจังว่าเราจะสูญเสียความชื่นชมจากคนรอบข้างไม่ได้
คนดีเกินไป มักเป็นคนที่โตมาโดยไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่เพียงพอ เขาต้องเรียกร้องความรักและเอาใจใส่จากคนรอบข้าง Social Media จึงตอบโจทย์อย่างมาก ได้ยอดไลด์ หรือการได้รับการยอมรับจากผู้อื่น จึงค่อยรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเอง
มือถือทำให้เด็กขาดความรัก♧ พ่อแม่ติดมือถือ >สายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูกบางเกินไป>เด็กไม่เชื่อใจพ่อแม่,ไม่รู้จะสื่อสารอย่างไร>สุดท้ายเด็กไม่เข้าใจความรู้สึกผู้อื่น>เก็บอารมณ์ไม่เป็น>ชอบใช้ประโยชน์จากผู้อื่นเมื่อโตขึ้น
37 เลิกหลบเลี่ยงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
เผชิญหน้าจิตใจของตัวเอง "การบันทึก" ช่วยให้เราแสดงอารมณ์ความคิดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรได้อย่างมีสติ และคิดในมุมมองของบุคคลที่สามได้ด้วย
38 เลิกผูกมัดกับกฎเกณฑ์ว่า "ต้องทำ"
เรากำลังทำกับตามกฎเกณฑ์ที่ไม่มีมูลเหตุ
การดูแลลูกและงานบ้าน เป็นหน้าที่ของผู้หญิง/ คนนั้นไม่มีเพื่อนคงจะเหงาน่าดู
การใส่เสื้อซ้ำบ่อยๆเป็นเรื่องน่าอาย/ คนไม่เข้ามหาวิทยาลัย เป็นเรื่องน่าอาย/ การปิดกิจการเป็นเรื่องแย่/ คนถูกปลดออกจากงานเป็นคนไร้ค่า
ความกังวลคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง ควรคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่าถ้าไม่ทำตามกฎเกณฑ์เหล่านั้นแล้วเราจะเดือดร้อนหรือไม่
อย่ามัวแต่กังวลถึงคุณค่าของตัวเอง เราต้องเปลี่ยนวิธีการรับรู้และสร้างแรงผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า
การเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้แปลว่าต้องอดทน "ผู้ใหญ่"สำหรับผม คือ คนที่ไม่ปักใจเชื่อในกฎเกณฑ์ซึ่งไม่มีเหตุ ไม่ว่าจะเป็นกฎเกณฑ์ของตัวเองหรือสังคม มองหาคุณสมบัติที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ และใช้ชีวิตด้วยความตั้งใจของตัวเอง กล้าแสดงความรู้สึกของตัวเอง มีจิตใจเปิดกว้างยอมรับความแตกต่าง
               ต้องมีสติแยกแยะระหว่างสิ่งที่"เปลี่ยนแปลงได้"กับ"เปลี่ยนแปลงไม่ได้”ต้องมี"ความกล้า"ที่จะเปลี่ยนสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้และ ต้อง "เปิดกว้าง"ยอมรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้