★4G คืออะไร?

★4G คืออะไร?
     4G คือ ชื่อที่ใช้เรียกแทนยุคที่ 4 ของเทคโนโลยี โทรศัพท์มือถือ โดยตัวอักษร G นั้นย่อมาจาก Generation ที่แปลว่า " ยุคสมัย " ซึ่งก่อนหน้านี้มีจุดเริ่มต้น มาตั้งแต่ 1G , 2G และ 3G ที่คนไทย ส่วน ใหญ่ ใช้กันในปัจจุบัน สำหรับความเปลี่ยนแปลง ในแต่ละยุคมีดังนี้
   1G = ยุคเริ่มต้นของโทรศัพท์มือถือ ใช้สัญญาณแบบอนาล็อกล้วน ๆ โทรคุยกันได้อย่างเดียว
   2G = ยุคที่โทรศัพท์มือถือ เริ่มมีการส่งข้อมูล แบบดิจิตอล เริ่มมีการส่งข้อความ SMS หลังจากนั้นก็มี การพัฒนาให้สามารถใช้งาน " อินเทอร์เน็ต " ด้วยเทคโนโลยีอย่าง GPRS และ EDGE ได้
   3G = ยุคที่โทรศัพท์มือถือ กลายเป็นสมาร์ทโฟน อย่างเต็มรูปแบบ สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ต ความเร็ว สูง ด้วยเทคโนโลยี อย่าง HSPA ( หรือที่เราเห็น ไอคอน H บนจอมือถือ )
   4G = ยุคล่าสุด ที่เปลี่ยนไปใช้ เทคโนโลยี LTE ซึ่งทำให้สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ด้วยความเร็วที่สูงกว่า 3G หลายเท่าตัว
     ทั้งนี้แท้จริงแล้วในแต่ละยุค จะมีการพัฒนาแบบย่อย ๆ อีกมากมาย เช่น 2.5G , 2.75G , 3.5G , 3.75G , 3.9G ซึ่งจะมีเทคโนโลยี ที่ค่อนข้างหลากหลายกันออกไป
★4G ดีกว่า 3G อย่างไร ?
     จุดเด่นหลัก ๆ ที่ 4G ดีกว่า 3G ก็คือ ความเร็วอินเทอร์เน็ต โดย 3G จะมีความเร็วสูงสุด ไม่ต่ำกว่า 200kbit/s หรือ 0.2Mbit/s ส่วน 4G จะมีความเร็วสูงสุด ไม่ต่ำกว่า 100Mbit/s ทั้งนี้ความเร็ว อินเทอรฺ์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น 3G หรือ 4G ล้วนขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการ , แพ็กเกจที่ใช้ รวมทั้งจำนวนคนที่ใช้งาน ในพื้นที่ และช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบความเร็ว ตามแต่ละรูปแบบการใช้งาน โดยประมาณได้ ดังนี้
★โหลดเกมขนาด 20 MB
   3G ใช้เวลา 3 นาที
   4G ใช้เวลา 25 วินาที
★สตรีมเพลง
   3G ใช้เวลา 10 วินาที
   4G ใช้เวลา 1 วินาที
★สตรีมวิดีโอ SD
   3G ใช้เวลา 20 วินาที
   4G ใช้เวลา 1 วินาที
★สตรีมวิดีโอ HD
   3G ใช้เวลา 1-5 นาที
   4G ใช้เวลา 30 วินาที
★อัพโหลดรูปภาพ
   3G ใช้เวลา 25 วินาที
   4G ใช้เวลา 1 วินาที
★อยากใช้ 4G ต้องทำอย่างไรบ้าง ?
     การจะใช้งาน 4G นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่มีอุปกรณ์สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่รองรับ 4G หรือ LTE และเปิดใช้งานแพ็กเกจ 4G ของเครือข่ายที่มีให้บริการ เท่านี้ก็สามารถสัมผัส ประสบการณ์ใหม่กับ อินเทอร์เน็ต ความเร็วระดับ 4G ได้แล้ว