ทฤษฎี 5C เพื่อธุรกิจ

  1. Connectivity: การเชื่อมต่อนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆของภาคธุรกิจในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก กลางหรือใหญ่นั้นล้วนแล้วแต่ต้องการการเชื่อมต่อทั้งสิ้น ปัจจุบันการทำธุรกิจนั้นไม่ได้มีข้อจำกัดอยู่แค่ในบริษัทใดบริษัทหนึ่ง, สาขาใดสาขาหนึ่ง, จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง หากแต่มีการทำงานร่วมกันจากหลายหน่วยงานและจากหรือพื้นที่ ซึ่งแน่นอนว่าปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งคือการเชื่อมต่อซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดสื่อสารและการทำงานร่วมกันอันเป็นที่มี C อื่นๆ
  2. Communication: การติดต่อสื่อสารเป็นกระบวนการที่บุคคลหนึ่งส่งผ่านข้อความหรือข้อมูล ผ่านไปยังบุคคลที่ต้องการ ด้วยวิธีใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น การพูด, การเขียนหรือการพิมพ์เป็นต้น แน่นอนว่าการจะดำเนินธุรกิจได้นั้นการติดต่อสื่อสารถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเราจำเป็นที่จะต้องสื่อสารกับผู้ผลิต, ผู้ร่วมงานภายในประกอบจนการสื่อสารไปยังลูกค้า นั่นเอง
  3. Collaboration: การร่วมมือกันนั้นนับวันยิ่งมีบทบาทสำคัญกับการทำธุรกิจมากขึ้น อันเนื่องมาจากว่าการทำงานโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง อาจทำงานให้สำเร็จได้เพียงทีละชิ้นในช่วงเวลาเวลาหนึ่ง แต่หากมีความร่วมมือในการทำงานเกิดขึ้นไม่ว่าจะมาจากหน่วยงานภายในหรือกระทั่งหน่วยงานภายนอกก็ตาม งานหนึ่งชิ้นอาจจะสามารถทำสำเร็จลุล่วงได้ในเวลาอันสั้นลง หรือในระยะเวลาเท่าๆกันก็อาจจะสามารถสร้างผลงานได้มากกว่าหนึ่งชิ้นนั่นเอง
  4. Customer Service: การบริการที่ดีนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆในการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีลักษณะเป็นการให้บริการหรือธุรกิจที่จำเป็นต้องพึ่งพึงกับลูกค้ารายเดิม ซึ่งลักษณะของลูกค้าเป็นลักษณะที่ว่า หากประทับใจก็จะบอกต่อหรือกลับมาใช้บริการอีกในอนาคต
  5. Cost Effectiveness: ความคุ้มค่าในการลงทุนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะก่อให้เกิดความเป็นไปได้ทางธุรกิจ(Business Feasibility) รวมถึงการที่จะได้ผลตอบแทนจากเงินลงทุนที่ลงทุนไปคืนมาโดยเร็วที่สุด (Pay Back Period) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่จะบอกถึงผลการดำเนินงานของแต่ละหน่วยธุรกิจ
Cradit : Nuttanai Anuntarumporn